“เพราะความต้องการต่างกัน ทุกสิ่งจึงต้องแตกต่าง” เคยไหมครับทะเลาะกับเจ้านายเพียงแค่วิธีการทำงานต่างกัน ทั้งๆ ที่มันก็ได้ผลลัพธ์ออกมาเหมือนกันแต่ทำไมเจ้านายกลับไม่ค่อยประทับใจซักเท่าไหร่ ชายพีร์มองว่าสถานการณ์นี้ส่วนหนึ่งอาจเป็นผลมาจากความแตกต่างในเรื่องของเจนเนอเรชั่น กล่าวคือบุคคลที่เกิดและใช้ชีวิตในช่วงเวลา เศรษฐกิจ และสังคมที่ต่างกันจึงอาจส่งผลให้มุมมอง หรือความคิดของบุคคลนั้นต่างกันไป ซึ่งรวมไปถึงความต้องการและความเสี่ยงด้วย
อย่างที่รู้กันว่าความเสี่ยงนั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย แต่ต่างกันก็ตรงที่โอกาสของการเกิดนั่นแหละว่ามันจะมากหรือน้อยแค่ไหน ซึ่งถ้าหากเราสามารถรับรู้ได้ว่าแต่ละช่วงอายุ หรือแต่ละเจนเนอเรชั่นนั้นมีความเสี่ยงมากน้อยในเรื่องใดก็จะเป็นผลดีต่อการวางแผนป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น หรือยิ่งดีไปกว่านั้นคือสามารถโอนความเสี่ยงไปได้ ซึ่งเครื่องมือที่นำมาใช้นั้นมีหลากหลายตัวมาก แต่ชายพีร์คิดว่าน่าจะตอบโจทย์ที่สุดคือประกัน เนื่องจากเป้าหมายหลักของเครื่องมือนี้คือการคุ้มครอง รับความเสี่ยงแทนเรา ซึ่งในแต่ละเจนเนอเรชั่นนั้นก็ต้องการประกันที่ต่างกัน แต่จะต่างกันอย่างไรชายพีร์เตรียมข้อมูลมาให้แล้วครับ ดังนี้
เจนเนอเรชั่น วาย (Generation Y)
บุคคลที่เกิดระหว่างปีพ.ศ. 2523–2540 (ปัจจุบันอายุระหว่าง 22 – 39 ปี) มีอีกชื่อหนึ่งคือ ยุคมิลเลเนี่ยน (Millennials) คนกลุ่มนี้มีความคิดที่เปิดกว้าง ให้ความสำคัญกับเรื่องของสุขภาพ ชื่นชอบแพลตฟอร์มออนไลน์ รักการท่องเที่ยว ไม่นิยมมีลูกเร็วอ้างอิงได้จากสถิติของ UK Office of National Statistics พบว่าผู้หญิงในเจนนี้ถึง 53% เลือกวางแผนมีลูกตอนอายุ 30 ปี และถ้ามีสัตว์เลี้ยงก็มักให้ความสำคัญเปรียบเสมือนเป็นลูกคนหนึ่ง
จากลักษณะนิสัย และวิถีการดำเนินชีวิตของคนเจนเนอเรชั่นนี้ ประกันที่ชายพีร์คิดว่าเหมาะคือ “ประกันการเดินทาง” ตัวช่วยที่จะทำให้คุณสบายใจทุกครั้งเมื่อออกเดินทางเพราะไม่ว่าจะตั๋วโดนยกเลิก กระเป๋าเสียหาย สูญหาย ประสบอุบัติเหตุ หรือป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบา ประกันการเดินทางก็จะช่วยคุณแบกภาระตรงนี้ไว้เอง เพราะอย่างที่เรารู้กันว่าค่ารักษาที่ต่างประเทศนั้นแพงมาก ถ้าต้องจ่ายเองคงเงินหมดก่อนได้เที่ยวแน่ๆ
ประกันตัวที่สองที่ชายพีร์อยากแนะนำสำหรับเจนนี้คือ “ประกันอุบัติเหตุ” เนื่องจากเป็นกลุ่มที่สนุกกับการใช้ชีวิตจนบางทีอาจโลดโผนจนก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ ประกันตัวนี้แหละจะเข้ามาช่วยคุณแบ่งเบาภาระค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ และยังมีเงินสินไหมทดแทนให้เมื่อคุณต้องสูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพ หรือร้ายแรงสุดคือเสียชีวิต
ประกันตัวที่สามที่ชายพีร์อยากแนะนำสำหรับเจนนี้คือ “ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์” เนื่องด้วยคนเจนเนอเรชั่น Y อยู่ระหว่างวัยเริ่มทำงาน และเริ่มมีความมั่นคงทางอาชีพ การเริ่มเก็บออมไว้เผื่อตอนที่เกษียณจึงเป็นเรื่องที่จำเป็น เพราะยิ่งเริ่มออมเร็วเงินที่จะมีไว้ใช้ดำรงชีพในตอนที่เกษียณก็จะมีเยอะขึ้นเท่านั้น ชายพีร์แนะนำว่าควรใช้ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์การันตีรายได้ขั้นต่ำตอนที่เกษียณแค่ 10% ก็พอนะครับถ้ามากกว่านี้ค่าเบี้ยอาจสูงลิ่วจนจ่ายไม่ไหว
ประกันตัวที่สี่ที่ชายพีร์อยากแนะนำสำหรับเจนนี้คือ “ประกันสุขภาพ” เนื่องจากชายพีร์เห็นว่าคนเจนนี้ให้ความสำคัญในเรื่องของสุขภาพมาก เลือกกินแต่อาหารที่มีประโยชน์ หมั่นออกกำลังกายก็เลยคิดว่าตนเองคงไม่ป่วยง่ายๆ หรอก แต่เรื่องโรคภัยมันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นหากทำประกันสุขภาพไว้ก่อน ก็น่าจะดีกว่าต้องมานั่งกวักเงินจ่ายเอง เพราะเรื่องโรคภัยไข้เจ็บเราคาดเดาไม่ได้เลยว่าจะมาตอนไหน หากเกิดขึ้นตอนที่การเงินไม่พร้อม ก็อาจทำให้เราคุณภาพชีวิตลดต่ำลงก็เป็นได้
ประกันตัวที่ห้าที่ชายพีร์อยากแนะนำสำหรับเจนนี้คือ “ประกันสัตว์เลี้ยง” เนื่องจากคนเจน Y ให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงเปรียบเสมือนเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัว ประกันสัตว์เลี้ยงจึงเป็นสิ่งที่น่าจะตอบโจทย์ เพราะเขาสามารถช่วยแบ่งเบาภาระค่ารักษาได้ และเมื่อสัตว์เลี้ยงของคุณเสียชีวิตทางบริษัทประกันก็จะมีเงินชดเชยให้ด้วย ซึ่งแต่ละกรมธรรม์ก็มีความแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของบริษัทประกันนั้นๆ