“เพราะความต้องการต่างกัน ทุกสิ่งจึงต้องแตกต่าง” เคยไหมครับทะเลาะกับเจ้านายเพียงแค่วิธีการทำงานต่างกัน ทั้งๆ ที่มันก็ได้ผลลัพธ์ออกมาเหมือนกันแต่ทำไมเจ้านายกลับไม่ค่อยประทับใจซักเท่าไหร่ ชายพีร์มองว่าสถานการณ์นี้ส่วนหนึ่งอาจเป็นผลมาจากความแตกต่างในเรื่องของเจนเนอเรชั่น กล่าวคือบุคคลที่เกิดและใช้ชีวิตในช่วงเวลา เศรษฐกิจ และสังคมที่ต่างกันจึงอาจส่งผลให้มุมมอง หรือความคิดของบุคคลนั้นต่างกันไป ซึ่งรวมไปถึงความต้องการและความเสี่ยงด้วย
อย่างที่รู้กันว่าความเสี่ยงนั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย แต่ต่างกันก็ตรงที่โอกาสของการเกิดนั่นแหละว่ามันจะมากหรือน้อยแค่ไหน ซึ่งถ้าหากเราสามารถรับรู้ได้ว่าแต่ละช่วงอายุ หรือแต่ละเจนเนอเรชั่นนั้นมีความเสี่ยงมากน้อยในเรื่องใดก็จะเป็นผลดีต่อการวางแผนป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น หรือยิ่งดีไปกว่านั้นคือสามารถโอนความเสี่ยงไปได้
ซึ่งเครื่องมือที่นำมาใช้นั้นมีหลากหลายตัวมาก แต่ชายพีร์คิดว่าน่าจะตอบโจทย์ที่สุดคือประกัน เนื่องจากเป้าหมายหลักของเครื่องมือนี้คือการคุ้มครอง รับความเสี่ยงแทนเรา ซึ่งในแต่ละเจนเนอเรชั่นนั้นก็ต้องการประกันที่ต่างกัน แต่จะต่างกันอย่างไรชายพีร์เตรียมข้อมูลมาให้แล้วครับ ดังนี้
เจนเนอเรชั่น เอ็กซ์ (Generation X)
บุคคลที่เกิดระหว่างปีพ.ศ. 2508 – 2522 (ปัจจุบันอายุระหว่าง 40 – 54 ปี) มีอีกชื่อหนึ่งคือ “ยับปี้” (Yuppie) ซึ่งย่อมาจาก Young Urban Professionals คนในเจนเนอเรชั่นนี้นั้นมีลักษณะนิสัยประหยัด อดออม และมักไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนทุกครั้งก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะทำ หรือเลือกซื้ออะไร โดยส่วนใหญ่เป้าหมายทางอาชีพของคนเจนนี้นั้นจะมุ่งไปที่การสอบเข้าทำงานในหน่วยงานราชการ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือหันไปเป็นเจ้าของกิจการเองเลยเพื่อสร้างรากฐานความมั่นคงให้แก่คนในรุ่นต่อๆ ไป
ความเสี่ยงของชาวยับปี้ก็คงเลี่ยงเรื่องสุขภาพไม่ได้เช่นเดียวกับชาวเบบี้บูมเมอร์ซึ่งอาจไม่หนักเท่า แต่เตรียมตัวรับมือไว้แต่เนิ่นๆ ก็ดีครับ เพราะคนเรามีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคร้ายได้ทุกคน ดังนั้นประกันที่ชายพีร์จะแนะนำสำหรับคนเจนนี้คือ “ประกันโรคร้ายแรง” ซึ่งแต่ละกรมธรรม์ก็มีรายละเอียดในการคุ้มครองที่แตกต่างกัน ดังนั้นก่อนจะทำประกันซักตัวชายพีร์แนะนำว่าพยายามศึกษาให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจทำนะครับ
ประกันที่จะแนะนำตัวที่สองคือ “ประกันรถยนต์” และ “ประกันอุบัติเหตุ” เนื่องจากเจนนี้ส่วนใหญ่จะเป็นวัยที่มีหน้าที่การงานมั่นคงจึงไม่แปลกเลยที่คนเจนนี้หลายคนเริ่มมีทรัพย์สินอย่าง รถยนต์ มาไว้ในครอบครองเรียบร้อย และก็แน่นอนสิ่งที่ตามมาคือความเสี่ยง และอุบัติเหตุครับ เพราะฉะนั้นหากมีประกันที่สามารถถ่ายโอนความเสี่ยงเรื่องของค่าซ่อมรถ และค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุไว้ก็อุ่นใจกว่าเยอะครับ
ประกันตัวที่สามที่ชายพีร์นำมาแนะนำสำหรับเจน X คือ “ประกันชีวิต” เนื่องจากคนในยุคนี้นั้นส่วนใหญ่มักคำนึงคนข้างหลังเป็นหลัก หรือบางคนก็ก้าวขึ้นมาเป็นเสาหลักของครอบครัว ดังนั้นในยามที่คุณจากไปแบบกระทันหันประกันก็ช่วยให้คนที่คุณรักและห่วงมีชีวิตที่ไม่ลำบากมากนัก หรือสามารถนำเงินตรงไปตั้งตัวทำธุรกิจเพื่อเลี้ยงตัวเขาเองไปอีกเรื่อยๆ ได้ในอนาคต