1 นาที

น้ำท่วมจนรถพัง ประกันรถยนต์คุ้มครองไหมนะ

แชร์

ฝนตก น้ำท่วม ปัญหาโลกแตก ที่ใครๆ ก็ไม่อยากเจอ โดยเฉพาะเจ้าของรถยนต์ทั้งหลาย เพราะน้ำที่ท่วมขังอาจนำพามาซึ่งความเสียหายหลักหมื่น หลักแสน

ฝนตกทีไร น้ำรอการระบายทุกที จอดรถอยู่อโศกดีๆ กลายเป็นสวนสยามทะเลกรุงเทพซะงั้น นี่คือปัญหาที่คนไทยส่วนใหญ่มักประสบพบเจอกันในช่วงฤดูฝนอยู่บ่อยครั้ง แต่ที่ร้ายไปกว่าน้ำท่วมอีกก็คือ รถยนต์ต้องมาพังเพราะน้ำเข้าเครื่องยนต์นี่แหละ ถ้าเป็นแบบนี้ประกันรถยนต์ที่ทำไว้จะคุ้มครองหรือเปล่านะ เพื่อคลายความสงสัยที่มีบทความได้รวบรวมคำตอบของทุกคำถามไว้ไว้แล้ว
ประกันรถยนต์
ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจคุ้มครองกรณีรถยนต์เสียหายจากน้ำท่วมหรือไม่?
ตอบ คุ้มครอง  แต่ต้องเข้าข่ายเงื่อนไขเหล่านี้
เงื่อนไขที่ 1 ประกันรถยนต์ที่ทำต้องให้ความคุ้มครองภัยธรรมชาติ อย่างน้ำท่วม ซึ่งประเภทของประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองภัยดังกล่าวมีดังนี้
  • ประกันรถยนต์ชั้น 1 
  • ประกันรถยนต์ชั้น 2+  (บางแพคเกจ) 
  • ประกันรถยนต์ชั้น 2  (บางแพคเกจ) 
  • ประกันรถยนต์ชั้น 3+  (บางแพคเกจ) 
เงื่อนไขที่ 2 ความเสียหายต้องเกิดจากอุบัติเหตุ ไม่ใช่ความจงใจ 
สำหรับเงื่อนไขข้อที่ 2 นี้เราต้องมานั่งทำความเข้าใจกันก่อนซักนิด เพราะถึงแม้ว่ารถยนต์จะเสียหายจากน้ำท่วม แต่ถ้าเป็นการจงใจขับลุยน้ำท่วม ประกันไม่รับเคลมอย่างแน่นอน เพื่อให้เห็นภาพชัดกันมากขึ้น เราลองไปดูสถานการณ์ตัวอย่างกันซักนิด 
ตัวอย่างที่ 1 หญิงนูนขับรถยนต์ออกไปทำงานตามปกติ แต่ฝนเจ้ากรรมดันตกลงมาอย่างงหนัก ทำให้เกิดน้ำท่วมเฉียบพลัน จะขับรถหนีก็ไม่ทัน เครื่องยนต์จึงเสียหายอย่างหนัก เพราะถูกน้ำเข้า  ถ้าเป็นกรณีเช่นนนี้ ประกันรถยนต์คุ้มครองแน่นอน เพราะเกิดจากอุบัติเหตุ ไม่ใช่ความจงใจ และถ้าบริษัทประกันประเมินดูแล้วเสียไม่คุ้มซ่อม หรือไม่สามารถทำให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิมได้ ประกันจะจ่ายค่าสินไหมทดแทน 70-80% ของทุนประกันให้แก่ผู้เอาประกัน 
หมายเหตุ ทุนประกัน คือมูลค่าความคุ้มครองที่บริษัทประกันรถยนต์จะจ่ายให้สูงสุดต่อปีสำหรับความเสียหาย โดยรถใหม่ป้ายแดงจะมีทุนประกันอยู่ที่ 80% ของมูลค่ารถยนต์  
ตัวอย่างที่ 2 ชายพีร์ขับรถยนต์ไปทำงานตามปกติ ปรากฎว่าเจอน้ำท่วมขังอยู่ข้างหน้า คาดว่าน่าจะมีสาเหตุมาจากฝนตกหนักเมื่อวาน แต่ไม่เป็นไร เพราะถ้าใจเรากล้า อุปสรรคอะไรเช้ามา เราก็จะฝ่าฟันไปได้ สุดท้ายผลลัพธ์คือน้ำเข้ารถจนเครื่องยนต์ และระบบไฟฟ้าเสียหายหนักมาก ถ้าเป็นกรณีนี้ประกันรถยนต์ไม่คุ้มครองอย่างแน่นอน เพราะจงใจที่ขับฝ่าไปทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าข้างหน้ามีน้ำท่วมขัง เราแนะนำให้หลีกเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นน่าจะดีต่อใจ และเงินในกระเป๋า 
แถมให้อีกนิด………. 
6 ขั้นตอนการเคลมประกันรถยนต์ กรณีรถเสียหายจากน้ำท่วม 
1.เตรียมหลักฐาน และเอกสารให้พร้อม ดังนี้
  • หลักฐานที่เกิดเหตุ อาทิเช่น รูปถ่ายที่บันทึกรายละเอียดของสถานการณ์ เป็นต้น 
  • เอกสารเกี่ยวตัวรถ และกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ที่เราทำไว้ 
  • ใบขับขี่ 
  • บัตรประชาชน 
2.ติดต่อบริษัทประกันฯ ที่ทำประกันรถยนต์เอาไว้ (รายชื่อบริษัทประกันรถยนต์)
3.รอเจ้าหน้าที่จากบริษัทประกันฯ มาตรวจสอบเพื่อประเมินความเสียหาย
4.เลือกอู่หรือศูนย์ซ่อมเพื่อประเมินราคา
5.รอการอนุมัติจากบริษัทประกันภัยที่ทำอยู่
6.เมื่อเอกสารผ่านการอนุมัติ ก็สามารถนำรถส่งไปซ่อมที่อู่หรือศูนย์ซ่อมได้เลย

“น้ำท่วมรถ” อาจเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวเราบ่อยๆ แต่อย่างไรก็ตาม “ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ” ก็ยังเป็นสิ่งสำคัญที่เราควรมีติดรถไว้ตลอด เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้นการทำมีประกันไว้ย่อมดีกว่า เพราะอย่างน้อยเราก็ไม่ต้องแบกรับค่าซ่อมแต่เพียงคนเดียว หากรู้สึกสนใจอยากรู้จักกับประกันรถยนต์ภาคสมัครใจมากขึ้นสามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดของประกันรถยนต์แต่ละประเภทได้ที่ https://bit.ly/321tzsO 

ขอบคุณที่มา : oic.or.th, moneyguru.co.th, car.kapook.com, ngerntidlor.com

แชร์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

สร้างความสัมพันธ์ ขยายโอกาสในการขายให้ยั่งยืนด้วย 5 เครื่องมือนี้

สร้างความสัมพันธ์ ขยายโอกาสในการขายให้ยั่งยืนด้วย 5 เครื่องมือนี้

5 ข้อควรรู้ก่อนเคลมกระเป๋าเดินทาง

การเตรียมตัวข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องการเคลมกระเป๋าเดินทางจึงถือเป็นหนึ่งในเรื่องสำคัญที่ช่วยให้คุณรับมือกับเรื่องไม่คาดฝันนี้ได้อย่างไม่ตื่นตระหนดตกใจจนเกินไป เพื่อให้ทุกการเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น บทความนี้จะแนะนำ 5 ข้อควรรู้ก่อนเคลมกระเป๋าเดินทาง เพื่อช่วยให้คุณเคลมได้อย่างถูกต้องและไม่เสียผลประโยชน์ใดไปโดยไม่รู้ตัว