การทำประกันชีวิต หลายๆ คนอาจเคยได้ยินเป็นประโยคขำขันว่า “ซื้อประกันชีวิตเท่ากับแช่ง” แต่ในความเป็นจริงแล้วประกันชีวิตนั้นไม่ได้เกี่ยวกับดวงชะตาชีวิตเลยซักนิดเดียว แต่ประกันชีวิตกลับเป็นเหมือนเครื่องมือที่ช่วยให้เราสามารถวางแผนรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันล่วงหน้าเพื่อสานต่อความปรารถนาดีให้กับคนที่เรารักในวันที่เราไม่ได้อยู่ข้างๆ เขาได้อย่างเบาใจ ซึ่งก็เป็น 1 ในเหตุผลสำคัญที่คนส่วนใหญ่เลือกทำประกันชีวิต
นอกเหนือจากเทคนิคในการซื้อประกันชีวิตที่ตอบโจทย์แล้ว การเคลมประกันชีวิตก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราไม่ควรพลาดที่จะถ่ายทอดให้ผู้รับผลประโยชน์ได้รับรู้ว่า “การเคลมประกันชีวิต” นั้นมีการเคลมอย่างไรหลังเจ้าของประกันเสียชีวิต
.
1.แจ้งตาย เรื่องง่าย ไม่วุ่น
หลังจากการเสียชีวิตของผู้เอาประกัน สิ่งแรก เราต้องทำการ “แจ้งตาย” ให้ถูกต้องครับ การแจ้งตาย มี 2 กรณีหลักๆ จำง่ายๆ เลย
กรณี 1. เสียชีวิตในสถานพยาบาล
หลังจากที่ผู้เอาประกันเสียชีวิต แพทย์จะออก หนังสือรับรองการตาย หรือที่เรียกว่า ใบ ท.ร.4/1 ให้แก่ญาติ
กรณี 2. เสียชีวิตนอกสถานพยาบาลแบ่งย่อยเป็น 2 กรณี
- เสียชีวิตในบ้านและนอกบ้าน
การเสียชีวิตในบ้าน ผู้แจ้งตายซึ่งอาจจะเป็นเจ้าของบ้านที่มีคนเสียชีวิต ผู้พบศพ หรือบุคคลที่ได้รับมอบหมายให้แจ้งตาย จะต้องแจ้งตายภายใน 24 ชั่วโมง นับตั้งแต่เสียชีวิต หรือพบศพ
- การเสียชีวิตนอกบ้าน ผู้พบศพ จะต้องรีบแจ้งตายภายใน 24 ชั่วโมงหลังพบศพ
ส่วนเรื่องสถานที่แจ้งตาย กรณีอยู่ในเขตเทศบาล สามารถแจ้งที่สำนักงานเขตเทศบาลได้เลยอันนี้จะไม่ได้รับ ท.ร. 4 ตอนหน้า หรือหลักฐานรับแจ้งตาย ถ้ากรณีอยู่ในเขตท้องที่ที่ว่าการอำเภอ ให้แจ้งไปที่ผู้ใหญ่บ้าน และเราก็จะได้หนังสือ ท.ร. 4 ตอนหน้า หรือหลักฐานรับแจ้งตาย หลังจากนั้นเราก็ไปแจ้งที่นายทะเบียน ณ เทศบาล หรืออำเภอ เพื่อขอใบมรณบัตร
เอกสารที่ต้องเตรียมไปยื่นขอใบมรณบัตร ได้แก่
- บัตรประชาชนผู้แจ้งตาย
- บัตรประชาชนผู้เสียชีวิต (ถ้ามี)
- หลักฐานรับแจ้งตาย
- ทะเบียนบ้านที่มีชื่อผู้เสียชีวิต (ถ้ามี)
- พยานรู้เห็นการเสียชีวิต (กรณีเสียชีวิตในบ้าน)
สุดท้ายจะได้ใบมรณะบัตรพร้อมจำหน่ายชื่อผู้เสียชีวิตออกจากทะเบียนบ้านเรียบร้อย
2. เตรียม & เช็คเอกสาร ก่อนเคลมประกันชีวิตการเตรียมเอกสารสำหรับยื่นเคลมประกันชีวิตจะต้องประกอบไปด้วยเอกสาร 2 ส่วน
ส่วนแรก คือ เอกสารของผู้เสียชีวิต ได้แก่
- สำเนาใบมรณบัตร
- สำเนาทะเบียนบ้านประทับตรา “ตาย”
- สำเนาบัตรประชาชน (ผู้รับผลประโยชน์รับรองสำเนาถูกต้อง)
- กรมธรรม์ประกันภัยหรือหนังสือรับรองการประกันภัย
- แบบเรียกร้องสินไหมมรณกรรม (ฟอร์มบริษัท)
- สำเนาบันทึกประจำวัน รับรองสำเนาโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ (กรณีเสียชีวิตผิดธรรมชาติ)
- สำเนารายงานการชนสูตรพลิกศพ (กรณีเสียชีวิตผิดธรรมชาติ)
- สำเนาหลักฐานการเปลี่ยนชื่อ – สกุล (ถ้ามี)
ส่วนที่สอง คือ เอกสารของผู้รับผลประโยชน์ ได้แก่
- สำเนาทะเบียนบ้านของผู้รับผลประโยชน์ทุกคน หรือผู้จัดการมรดก หรือผู้แทนโดยชอบธรรม
- สำเนาบัตรประชาชนของผู้รับผลประโยชน์ทุกคน หรือผู้จัดการมรดก หรือผู้แทนโดยชอบธรรม
- สำเนาหลักฐานการเปลี่ยนชื่อ – สกุล (ถ้ามี)