การเดินทางท่องเที่ยวไปยังสถานที่แห่งใหม่ที่ไม่เคยไป ยังคงทำให้ใครหลายคนรู้สึกตื่นเต้นได้เสมอ แต่บางครั้งเรื่องไม่คาดฝันก็ทำให้เราหมดอารมณ์เที่ยวได้เช่นกัน อย่างการที่คุณพบว่ากระเป๋าเดินทางของคุณเสียหาย ล่าช้า หรือสูญหายระหว่างการเดินทางเนื่องด้วยสาเหตุใดก็ตาม
แต่หากคุณทำประกันการเดินทางเอาไว้ก่อนเดินทาง ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป เพราะประกันการเดินทางจะให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับปัญหาสัมภาระทั้งหมดที่คุณเจอ ผ่านการเคลมประกันการเดินทางตามคำแนะนำต่อไปนี้
1. รีบติดต่อแจ้งของสูญหาย
ทันทีที่รู้ตัวว่ากระเป๋าเดินทางเสียหายหรือสูญหายเมื่ออยู่ในสนามบิน ให้รีบติดต่อสายการบินที่ใช้บริการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที พร้อมขอเอกสารจากทางสายการบินมาเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อยืนยันว่ากระเป๋าคุณสูญหายหรือเสียหายจริง สำหรับใช้ในการยื่นเคลมประกัน แต่หากคุณเดินทางไปนอกพื้นที่สนามบินแล้วให้ใช้เป็นเอกสารแจ้งความแทน
2. เก็บหลักฐานแสดงความเป็นเจ้าของ
ถ่ายรูปเลข Tag ติดกระเป๋า รูปกระเป๋าเดินทางและสัมภาระอื่น ๆ ของคุณเก็บไว้ก่อนออกเดินทางทุกครั้ง เพื่อใช้เป็นหลักฐานยืนยันต่อบริษัทประกันว่าคุณเป็นเจ้าของกระเป๋าใบดังกล่าว
3. ติดต่อบริษัทประกัน
ติดต่อบริษัทประกันที่คุณใช้บริการให้เร็วที่สุดถึงแม้เวลานั้นจะเป็นช่วงกลางคืนก็ตาม เพราะทุกบริษัทประกันมีคอลเซ็นเตอร์หรือสายด่วนรับคำร้องพร้อมแสตนด์บายสำหรับลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง
4. เตรียมเอกสารหลักฐาน
ทางบริษัทประกันจะขอเอกสารหลักฐานการสูญหายหรือเสียหาย หลักฐานแสดงความเป็นเจ้าของกระเป๋าหรือของในกระเป๋า หลักฐานการบิน และอื่น ๆ เพื่อใช้ในการดำเนินการเคลมประกันต่อไป
5. กรอกแบบฟอร์ม
กรอกแบบฟอร์มเรียกร้องสินไหมทดแทนที่บริษัทประกันส่งให้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ให้รายละเอียดที่จำเป็นทั้งหมด รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ กำหนดการเดินทาง และคำอธิบายโดยละเอียดของเหตุการณ์ให้ครบถ้วน
6. แนบหลักฐาน
แนบหลักฐานทั้งหมดที่เตรียมไว้ไปพร้อมกับแบบฟอร์มการเรียกร้องสินไหมทดแทน ยิ่งเอกสารของคุณครอบคลุมมากเท่าไร กระบวนการเคลมของคุณก็จะราบรื่นยิ่งขึ้นเท่านั้น
7. รอผลพิจารณา
หลังจากที่คุณยื่นคำร้องแล้ว บริษัทประกันภัยจะทำการพิจารณาข้อมูลและเอกสารที่ให้ไว้ การดำเนินการนี้อาจใช้เวลาประมาณหนึ่ง เพราะเป็นการตรวจสอบเหตุการณ์และรายละเอียดต่าง ๆ อย่างละเอียด โดยทั่วไปแล้วทางบริษัทประกันจะใช้เวลาประมาณ 15 วันทำการในการพิจารณาผลอนุมัติการเคลมประกันการเดินทางของเรา ทั้งนี้ทั้งนั้นจะช้า หรือเร็วขึ้นอยู่กับกระบวณการของแต่ละบริษัทด้วยเช่นกัน
8. การอนุมัติและการชดเชย
เมื่อคำร้องได้รับการอนุมัติ คุณจะได้รับค่าชดเชยตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัยการเดินทางของคุณ ค่าชดเชยอาจครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนสิ่งของเสียหาย หรืออาจรวมถึงการชดใช้ค่าเสียหายสำหรับสิ่งของสูญหาย ดังนั้นคุณควรตรวจสอบกรมธรรม์ของคุณเพื่อทำความเข้าใจเงื่อนไขการชดเชยทั้งหมดให้แม่นยำ
9. ประสานงานอย่างต่อเนื่อง
ตลอดกระบวนการเคลม ควรมีการติดต่อประสานงานกับบริษัทประกันให้ต่อเนื่อง อย่าขาดหายไปโดยไม่สามารถติดต่อได้ หากทางบริษัทประกันต้องการข้อมูลหรือเอกสารเพิ่มเติมจะได้สามารถจัดเตรียมเอกสารได้ทันทีเพื่อหลีกเลี่ยงความล่าช้าในการดำเนินการ
10. เรียนรู้เผื่ออนาคต
แม้ว่าการเจอเหตุการณ์กระเป๋าเดินทางเสียหายหรือสูญหาย และการจัดการหลังจากนั้นอาจเป็นเรื่องน่าหงุดหงิด แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีเพื่อที่ในอนาคตคุณจะได้ระมัดระวังมากขึ้น สามารถเตรียมตัวรับมือกับเหตุการณ์ดังกล่าวที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคตได้ดียิ่งขึ้น เช่น การเลือกกระเป๋าเดินทางที่ทนทานมากขึ้น หรือการนำสิ่งของมีค่าติดตัวไว้แทนการโหลดลงกระเป๋าเดินทาง
สุดท้ายนี้ กระบวนการและเงื่อนไขการเคลมประกันการเดินทางสำหรับกระเป๋าเดินทางเสียหายหรือสูญหายอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทประกันภัยและกรมธรรม์ที่คุณเลือกซื้อ ควรอ่านและทำความเข้าใจกรมธรรม์ที่มีอย่างละเอียดก่อนการเดินทาง เพื่อให้คุณทราบได้อย่างชัดเจนว่ามีอะไรครอบคลุมบ้าง และต้องดำเนินการอย่างไรในกรณีที่เกิดปัญหาเกี่ยวกับการเดินทาง