การท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่เป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับคนที่ต้องการพักผ่อนและหาความสนุกให้ชีวิตที่เหนื่อยล้าจากการทำงานและการเรียน แต่รู้หรือไม่ว่าออกทริปเพียงครั้งเดียวนั้นสามารถสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้มากโข อีกทั้งยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุต่อตัวคุณเองไม่มากก็น้อยหากคุณไม่มีการวางแผนอย่างรอบคอบอีกด้วย วันนี้เราจึงอยากแชร์เทคนิคหรือคำแนะนำบางอย่างที่น่าจะส่งผลดีต่อนักท่องเที่ยวหลาย ๆ ท่านให้ได้รู้กัน!
1. ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว
รถยนต์ส่วนตัวเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจก สร้างมลพิษทางอากาศ และเผาผลาญทรัพยากรสิ่งแวดล้อม หากไม่จำเป็นจริงๆ การหันไปใช้รถสาธารณะหรือวิธีอื่นก็เป็นทางเลือกที่ดี
- ใช้ขนส่งสาธารณะ เช่น รถทัวร์ รถเมล์ รถไฟฟ้า หรือรถไฟ เพื่อช่วยลดจำนวนรถยนต์บนท้องถนน
- แชร์รถ กับเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนที่ไปทางเดียวกัน หรือใช้บริการรถที่ใช้พลังงานหมุนเวียน (EV) ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
- หากเป็นการเดินทางระยะไม่ไกล การเดินหรือขี่จักรยานนอกจากลดการปล่อยมลพิษแล้ว ยังช่วยส่งเสริมสุขภาพและลดการใช้พลังงานอีกด้วย
2. พักในที่พักที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ปัจจุบันมีที่พักที่เน้นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น โรงแรมที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ หรือมีนโยบายรีไซเคิลอย่างเข้มงวดเพื่อลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชน
- เลือกที่พักสีเขียว โรงแรมมีส่วนร่วมกับท้องถิ่นและชุมชน มีการจัดการมลพิษและสิ่งแวดล้อมที่ดี มีส่วนร่วมในการสืบสานศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น
- ตั้งแคมป์ในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต สำหรับสายตั้งแคมป์ควรเลือกกางเต้นท์ในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตและมีมาตรการจัดการขยะ รวมถึงมีเจ้าหน้าที่คอยดูแล 24 ชม. ที่สามารถป้องกันและรักษาความปลอดภัยหากเกิดเหตุไม่คาดฝันให้นักท่องเที่ยวและธรรมชาติได้
3. สนับสนุนสินค้าท้องถิ่นและลดการใช้พลาสติก
เลือกซื้อของกินของใช้จากร้านค้าของชาวบ้านในท้องที่เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจของชุมชน ทำให้พื้นที่ท่องเที่ยวนั้น ๆ มีงบไปใช้พัฒนาชุมชนได้มากขึ้น
- เตรียมขวดน้ำส่วนตัว กล่องเก็บอาหาร หรือถุงผ้าไป เพื่อลดการใช้พลาสติกแบบใช้แล้วทิ้ง
- เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่เป็น บรรจุภัณฑ์รีไซเคิล หรือ บรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้
4. วางแผนกิจกรรมให้ดี ระวังเรื่องความปลอดภัย
- เลือกกิจกรรมที่ มีมาตรฐานความปลอดภัย และเหมาะสมกับสภาพร่างกายและช่วงวัยของผู้ร่วมทริปแต่ละคน เช่น หากทำกิจกรรมผจญภัยโลดโผนควรใช้อุปกรณ์เซฟตี้ที่มีมาตรฐาน เจ้าหน้าที่มีบัตรอนุญาตสามารถตรวจสอบได้ สถานที่ให้บริการมีความน่าเชื่อถือ
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ มีความเสี่ยงสูง ในสภาพอากาศที่ไม่ปลอดภัย หรือสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย เช่น การเดินเขาในช่วงฤดูฝน เที่ยวน้ำตกในฤดูน้ำป่าไหลหลาก
5. เตรียมตัวให้รอบคอบไว้ก่อน
ความพร้อมของผู้เดินทางเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สามารถลดความเสี่ยงได้
- ตรวจสอบสภาพอากาศ และเส้นทางการเดินทางก่อนออกเดินทาง
- นำอุปกรณ์ที่จำเป็นไปด้วน เช่น ไฟฉาย ชุดปฐมพยาบาล และ เครื่องมือสื่อสาร ที่พร้อมใช้งานในกรณีฉุกเฉิน
- ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ที่จะไป เพื่อเตรียมความพร้อมและรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ
6. เคารพธรรมชาติและรักษาสิ่งแวดล้อม
- หลีกเลี่ยงการทิ้งขยะในสถานที่ท่องเที่ยว หรือ เก็บขยะกลับไปด้วยทุกครั้ง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
- หลีกเลี่ยงการรบกวนสัตว์ป่า หรือเก็บสิ่งของจากธรรมชาติ เช่น ปะการัง ก้อนหิน สัตว์น้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติ
7. ซื้อประกันการเดินทางและประกันชีวิต
การมีประกันเป็นสิ่งสำคัญในการลดความเสี่ยงและป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขณะเดินทาง
- ประกันการเดินทาง: คุ้มครองในกรณีเกิดอุบัติเหตุ การเจ็บป่วย หรือปัญหาเกี่ยวกับการเดินทาง เช่น เที่ยวบินล่าช้า สัมภาระสูญหาย การมีประกันช่วยให้คุณได้รับการช่วยเหลือและการชดเชยค่าใช้จ่ายอย่างรวดเร็ว
- ประกันชีวิต: สำหรับผู้ที่ทำกิจกรรมเสี่ยงหรือเดินทางไปยังพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัย การมีประกันชีวิตจะช่วยให้ครอบครัวของคุณได้รับการคุ้มครองในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ร้ายแรง
ค้นหาประกันอับัติเหตุที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ที่ https://line-shop.tqm-app.com/accident-insurance