ประกันสุขภาพเป็นหนึ่งในเครื่องมือบริหารจัดการความเสี่ยงที่ตอบโจทย์กับการใช้ชีวิตของมนุษย์ทุกเพศ ทุกวัยในยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพที่มีมากขึ้น และต้นทุนค่ารักษาที่ค่อนข้างสูง ซึ่งอาจส่งผลให้เป้าหมายทางการเงินในอนาคตของเราเกิดความสั่นคลอน
ด้วยเหตุนี้หลายๆ คนจึงเลือกทำประกันสุขภาพเพื่อถ่ายโอนความเสี่ยงจากโรคภัยไข้เจ็บที่อาจจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงเรื่องค่ารักษา ค่าห้อง หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และอีกหนึ่งสิทธิประโยชน์ที่เราจะลืมไม่ได้เลยก็คือสิทธิประโยชน์ทางภาษีนั้นเอง
ประกันสุขภาพสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ตามเบี้ยที่จ่ายจริง หรือไม่เกิน 25,000 บาท แต่ต้องเป็นประกันสุขภาพที่เข้าข่ายเงื่อนไขดังต่อไปนี้เทานั้น
รายละเอียดและเงื่อนไขประกันสุขภาพที่นำไปลดหย่อนภาษีได้
ประกันสุขภาพตัวเอง สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง หรือสูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท
เงื่อนไข
- ประกันสุขภาพที่เราทำต้องจัดอยู่ในประเภทดังต่อไปนี้ที่ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล เนื่องจากเจ็บป่วยและเจ็บ อีกทั้งมีค่าชดเชยให้ในกรณีที่ทุพพลภาพ สูญเสียอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งไป และบาดเจ็บ
- ประกันภัยอุบัติเหตุที่ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล การทุพพลภาพ การสูญเสียอวัยวะ และการแตกหักของกระดูก
- ประกันภัยโรคร้ายแรง (Critical Illnesses)
- ประกันภัยการดูแลระยะยาว (Long Term Care)
- ประกันสุขภาพที่ทำต้องทำกับบริษัทประกันที่ประกอบกิจการในประเทศไทยเท่านั้น
- เมื่อรวมเบี้ยประกันชีวิตทั่วไป หรือเงินฝากแบบมีประกันชีวิตแล้วสามารถนำไปลดหย่อนได้ไม่เกิน 100,000 บาท
ยกตัวอย่างเช่น
นาย noon ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีจากเบี้ยประกันชีวิตไปแล้ว 90,000 บาท และต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีจากประกันสุขภาพอีก 25,000 บาท (เต็มสิทธิสูงสุด) แต่เนื่องด้วยข้อกฎหมายกำหนดไว้เบี้ยประกันชีวิตทั่วไป หรือเงินฝากแบบมีประกันชีวิต เมื่อรวมเบี้ยประกันสุขภาพแล้วสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท ดังนั้น นาย noon จึงใช้สิทธิลดหย่อนภาษีจากประกันสุขภาพได้เพียง 10,000 บาทเท่านั้น
ขั้นตอนการขอใช้สิทธิลดหย่อนภาษี
- แจ้งความประสงค์ไปยังบริษัทประกัน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะนำส่งข้อมูลการขอใช้สิทธิไปยังสรรพากรในวันที่ 7 มกราคมของทุกปี
ประกันสุขภาพพ่อแม่ สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง หรือสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท**
โดยมีเงื่อนไข ดังนี้
พ่อแม่ตนเอง
- ผู้ยื่นภาษีต้องเป็นบุตรที่ถูกต้องตามกฎหมาย
- พ่อแม่ต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 /ปีภาษี
- ผู้ยื่นภาษี พ่อ หรือแม่ คนใดคนหนึ่งต้องอยู่ในประเทศไทยครบ 180 วัน
- ประกันสุขภาพของพ่อแม่ต้องให้ความในลักษณะดังต่อไปนี้
- ประกันสุขภาพที่เราทำต้องจัดอยู่ในประเภทดังต่อไปนี้ที่ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล เนื่องจากเจ็บป่วยและเจ็บ อีกทั้งมีค่าชดเชยให้ในกรณีที่ทุพพลภาพ สูญเสียอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งไป และบาดเจ็บ
- ประกันภัยอุบัติเหตุที่ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล การทุพพลภาพ การสูญเสียอวัยวะ และการแตกหักของกระดูก
- ประกันภัยโรคร้ายแรง (Critical Illnesses)
- ประกันภัยการดูแลระยะยาว (Long Term Care)
เอกสารที่ใช้
- ใบเสร็จ หรือหนังสือการรับรองการชำระเบี้ยประกัน
หมายเหตุ หากใช้สิทธิลดหย่อนภาษีจากประกันสุขภาพพ่อแม่ร่วมกับบุตรคนอื่นๆ มูลค่าสิทธิลดหย่อนภาษีจะถูกหารตามจำนวนบุตรที่ขอใช้สิทธิอย่างเท่าเทียมกัน อาทิเช่น ในปีภาษี 63 มีบุตรที่ต้องใช้สิทธิทั้งหมด 2 คน ซึ่งมูลค่าสิทธิลดหย่อนที่ทั้งคู่สามารถนำไปหักลดภาษีได้คือ คนละไม่เกิน 7500 บาท/ปี
พ่อแม่ของคู่สมรส
- คู่สมรสไม่มีรายได้ตลอดปีภาษี
- คู่สมรสต้องเป็นบุตรที่ถูกต้องตามกฎหมาย
- พ่อแม่ของคู่สมรสต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 /ปีภาษี
- ผู้ยื่นภาษี พ่อ หรือแม่ของคู่สมรส คนใดคนหนึ่งต้องอยู่ในประเทศไทยครบ 180 วัน
- ประกันสุขภาพของพ่อแม่คู่สมรสต้องให้ความในลักษณะดังต่อไปนี้
- ประกันสุขภาพที่เราทำต้องจัดอยู่ในประเภทดังต่อไปนี้ที่ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล เนื่องจากเจ็บป่วยและเจ็บ อีกทั้งมีค่าชดเชยให้ในกรณีที่ทุพพลภาพ สูญเสียอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งไป และบาดเจ็บ
- ประกันภัยอุบัติเหตุที่ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล การทุพพลภาพ การสูญเสียอวัยวะ และการแตกหักของกระดูก
- ประกันภัยโรคร้ายแรง (Critical Illnesses)
- ประกันภัยการดูแลระยะยาว (Long Term Care)
เอกสารที่ใช้
- ใบเสร็จ หรือหนังสือการรับรองการชำระเบี้ยประกัน
หมายเหตุ ** แต่เมื่อรวมเบี้ยประกันสุขภาพพ่อแม่ตนเอง และพ่อแม่คู่สมรส สามารถนำไปลดหย่อนได้ไม่เกิน 15,000 บาท
ประกันสุขภาพนับว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะทำให้เราได้ทั้งเครื่องมือช่วยบริหารความเสี่ยงจากโรคภัยไข้เจ็บ และตัวช่วยลดหย่อนภาษี แต่การมองหาแผนประกันสุขภาพที่ตอบโจทย์ และเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเราได้นั้นเหมือนกับการงมเข็มในมหาสมุทร ต้องอาศัยทั้งปัจจัย และข้อมูลมากมาย อีกทั้งกว่าจะได้มาซึ่งแบบประกันที่ใช่จริงๆ เรายังต้องฝ่าฟันกับแผนประกันสุขภาพอีกเป็นพัน เป็นหมื่นที่มีอยู่ในตลาด แต่ในยุคการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิตอลก็มีเครื่องมือมากมายที่ถูกพัฒนามาเพื่อแก้ปัญหาในจุดนี้ และหนึ่งในนั้นก็คือ noon
Noon คือเครื่องมือ หรือระบบที่จะช่วยให้ผู้บริโภคอย่างเราได้รับความสะดวกสบายมากขึ้นการเลือกซื้อประกัน โดยการทำงานของ noon นั้นจะคำนวณข้อมูลจากสิ่งที่เรากรอกไป อาทิเช่น เพศ อายุ หรือค่ารักษาสูงสุดที่ต้องการ หลังจากนั้นระบบจะคำนวณ และแสดงแผนประกันสุขภาพที่เหมาะสมกับเราออกมา สิ่งที่ต้องทำต่อไปก็เพียงแค่เลือกแผนประกันสุขภาพที่เราปลาบปลื้มเท่านั้น “เรื่องปวดหัวยกให้ noon เรื่องคุ้มค่า noon ยกให้คุณ”
เลือกแผนประกันสุขภาพที่ใช่จากตรงนี้ได้เลย!!
ขอบคุณแหล่งข้อมูล: itax.in.th, muangthai.co.th, bangkokbiznews.com, finnomena.com