เทรนด์โลกในขณะนี้กำลังมุ่งหน้าเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย และประเทศไทยเราเองในขณะนี้ก็ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัวแล้วเช่นกัน หากมองในระดับครอบครัวการที่สมาชิกในบ้านเริ่มเข้าสู่กลุ่มผู้สูงวัย นั่นเท่ากับว่าเราเองก็ต้องเตรียมรับมือกับความไม่แน่นอนในเรื่องในเรื่องสุขภาพร่างกายของผู้สูงวัย ที่อาจจะเจ็บป่วยได้ง่ายมากขึ้นหรือเกิดบาดเจ็บทางร่างกายง่ายมากขึ้น ในมุมของลูก ๆ เมื่อต้องเตรียมพร้อมดูแลพ่อแม่ที่ชราลงและมีความไม่แน่นอนในปัญหาสุขภาพที่อาจขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้แบบนี้ การทำประกันชีวิตเพื่อผู้สูงวัยให้กับพ่อแม่เพื่อเป็นแผนดูแลชีวิตของพวกท่านก็ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ
แต่อย่างไรก็ดี ก่อนที่คุณจะตัดสินใจซื้อประกันชีวิตเพื่อผู้สูงวัยให้กับพ่อแม่ ไม่ว่าจะซื้อเป็นของขวัญสำหรับท่านหรือจะซื้อไว้เพื่อเป็นหลักประกันที่มั่นคงภายหน้าให้กับครอบครัวก็ตาม มีบางสิ่งที่คุณควรจะต้องรู้ก่อน เพื่อที่ว่าจะได้ตัดสินใจไม่ผิดพลาด มีอะไรที่ต้องรู้บ้างมาติดตามกัน
ประกันชีวิตผู้สูงวัยกับประกันชีวิตแบบทั่วไปแตกต่างกันอย่างไร
หากจะกล่าวให้เข้าใจอย่างรวบรัด ประกันชีวิตผู้สูงวัยก็คือประกันชีวิตรูปแบบหนึ่ง แต่จะมีความเฉพาะเจาะจงกว่าตรงที่ให้ความคุ้มครองผู้สูงอายุ ที่มีอายุระหว่าง 50-70 ปี ในกรณีที่เสียชีวิตเป็นหลัก ไม่ได้เน้นความคุ้มครองในเรื่องสุขภาพ หากพิจารณาในภาพรวมประกันชีวิตผู้สูงวัยกับประกันชีวิตแบบทั่วไปแทบไม่แตกต่างกัน เพราะต่างให้ความคุ้มครองในกรณีที่เสียชีวิตเหมือนกัน แต่อย่างไรก็ดีประกันชีวิตผู้สูงวัยกับประกันชีวิตแบบทั่วไปก็เป็นประกันชีวิตที่ต่างกัน โดยมีความแตกต่างกันในรายละเอียดดังนี้
1. แตกต่างในรายละเอียดความคุ้มครอง
อย่างที่กล่าวไปประกันชีวิตทั้งสองแบบต่างให้ความคุ้มครองในกรณีที่เสียชีวิต แต่ประกันชีวิตผู้สูงวัยจะมีรายละเอียดปลีกย่อยในความคุ้มครองแยกออกไป เพราะเป้าหมายที่แท้จริงของประกันชีวิตผู้สูงวัย ผู้ทำส่วนใหญ่ไม่ได้เน้นเรื่องการดูแลสุขภาพหรืออุบัติเหตุมากนัก แต่จะให้ความสำคัญกับการเก็บออมทรัพย์สินไว้สำหรับอนาคต ถ้าลูกทำให้พ่อแม่ก็เหมือนเป็นเงินบำนาญให้กับท่านในภายหน้า หรือผู้ใหญ่ทำไว้ให้ตัวเองก็จะเก็บไว้เป็นมรดกของลูกหลาน เมื่อจุดประสงค์ของผู้ทำประกันเป็นเช่นนี้ ประกันชีวิตผู้สูงวัยจึงมีรูปแบบความคุ้มครองให้เลือกมากกว่าประกันชีวิตแบบทั่วไป โดยประกันชีวิตผู้สูงวัย จะแยกเป็น 2 รูปแบบด้วยกัน คือ
- ประกันชีวิตผู้สูงวัยที่เน้นในเรื่องความคุ้มครองด้านชีวิต โดยบริษัทประกันจะจ่ายเงินชดเชยในกรณีเสียชีวิตเท่านั้น กรณีพิการหรือเจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาล จะไม่สามารถเบิกค่ารักษาได้ ยกเว้นแต่ซื้อสัญญาเพิ่มเติมพ่วงท้ายไว้ด้วย
- ประกันชีวิตผู้สูงวัยที่เน้นเรื่องการสะสมทรัพย์ เป็นการเน้นการออมไว้เป็นเงินบำนาญหรือเงินมรดกสำหรับภายหน้า
สำหรับเงื่อนไขในการจ่ายเงินชดเชยมีรายละเอียด ดังนี้
กรณีที่ต้องจ่ายชดเชย | เงื่อนไขการจ่ายค่าชดเชย |
เสียชีวิตจากโรคภัยไข้เจ็บในช่วง 2 ปีแรก | จ่ายคืนเฉพาะเบี้ยประกันที่ชำระแล้ว บวกด้วยผลตอบแทนเพิ่มเติมไม่น้อยกว่า 2% |
เสียชีวิตจากอุบัติเหตุภายในช่วง 2 ปีแรก | จ่ายตามจำนวนเงินเอาประกันภัยเต็มจำนวน พร้อมเบี้ยประกันที่ชำระแล้ว บวกด้วยผลตอบแทนเพิ่มเติม ไม่น้อยกว่า 2% |
เสียชีวิตตั้งแต่ปีที่ 3 เป็นต้นไป | จ่ายตามจำนวนเงินเอาประกันภัยเต็มจำนวนในทุกกรณี ไม่ว่าจะเสียชีวิตจากอุบัติเหตุหรือจากโรคภัยไข้เจ็บก็ตาม |
อยู่จนครบสัญญา | จ่ายตามจำนวนเงินเอาประกันภัย |
2. ไม่ต้องตรวจหรือตอบคำถามด้านสุขภาพ
ประกันชีวิตผู้สูงวัยจะไม่ต้องตรวจหรือตอบคำถามด้านสุขภาพก่อนทำ จึงสามารถทำได้ง่ายกว่าประกันชีวิตทั่วไปที่ยังต้องมีการตรวจสุขภาพ ทั้งนี้การไม่ต้องตรวจสุขภาพก็เป็นทางออกที่ดีที่จะช่วยให้ผู้สูงวัยมีโอกาสทำประกันชีวิตได้ง่ายขึ้นนั่นเอง ดังนั้นใครที่กำลังคิดจะซื้อประกันชีวิตผู้สูงวัยให้พ่อแม่และกำลังกังวลเรื่องปัญหาสุขภาพของพวกท่านก็คงเบาใจเรื่องนี้ได้ในระดับหนึ่ง
3. เบี้ยประกันสูงหรือผันแปรไปตามอายุที่เพิ่มขึ้น
ประกันชีวิตผู้สูงวัยมักจะมีเบี้ยประกันที่สูงกว่าประกันชีวิตทั่วไป และเบี้ยประกันจะสูงขึ้นผันแปรไปตามอายุของเจ้าของกรมธรรม์ เพราะผู้สูงอายุมักมีความเสี่ยงเรื่องสุขภาพเจ็บป่วยได้ง่าย จึงทำให้ประกันชีวิตผู้สูงวัยจำเป็นที่จะต้องมีการเก็บค่าเบี้ยประกันสูง หากคุณกำลังพิจารณาจะซื้อประกันชีวิตผู้สูงวัยให้กับพ่อแม่ จุดนี้เป็นจุดที่สำคัญที่ต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพราะคุณเป็นคนซื้อ จึงต้องดูกำลังของตนเองว่าสามารถจะรับมือกับค่าเบี้ยประกันสูงหรืออาจผันแปรไปในอนาคตได้หรือไม่
อย่าเพิ่งทำประกันชีวิตผู้สูงวัยถ้ายังไม่ตรวจสอบเงื่อนไขอย่างละเอียด
หลังจากที่ทำความเข้าใจประกันชีวิตผู้สูงวัยในภาพรวมแล้ว ก่อนตัดสินใจทำในขั้นสุดท้าย คุณจำเป็นที่จะต้องศึกษาและทำความเข้าใจรายละเอียดเงื่อนไขของประกันชีวิตผู้สูงวัยในแต่ละแบบของแต่ละบริษัทประกันให้ดีเสียก่อน โดยจุดที่ต้องดูหลัก ๆ เลยก็คือ
- เงื่อนไขความคุ้มครอง โดยทั่วไปแล้วประกันประกันชีวิตผู้สูงวัยจะจ่ายเงินชดเชยเฉพาะกรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุและโรคภัยไข้เจ็บ กรณีเจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาลแบบทั่วไปจะไม่สามารถเบิกค่ารักษาได้ ยกเว้นคุณจะซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติม
- เบี้ยประกัน จะมีทั้งแบบคงที่ตลอดอายุสัญญาที่ค่าเบี้ยอาจจะสูงเลย และแบบผันแปรตามอายุ ที่เริ่มต้นค่าเบี้ยอาจไม่สูงมาก แต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆในแต่ละปีตามอายุ
- จำนวนเงินเอาประกัน ต้องดูให้สอดคล้องกับเบี้ยประกันที่คุณจ่ายไปตลอดสัญญา หากต้องจ่ายเยอะจำนวนเงินเอาประกันก็ควรจะสูง ตรงนี้ต้องคำนวณให้ดีก่อนตัดสินใจ
เหล่านี้เป็นเรื่องที่คุณต้องรู้ก่อน หากกำลังคิดจะซื้อประกันชีวิตผู้สูงวัยให้กับพ่อแม่ พิจารณาให้ดีก่อนตัดสินใจ แล้วคุณจะได้หลักประกันที่มั่นคงสำหรับคนที่คุณรักและครอบครัวของคุณเอง