กลับมาอีกครั้งกับโครงการเอาใจสายช้อปพร้อมได้ลดหย่อนภาษี ในปีที่แล้วเราอาจคุ้นเคยกันในชื่อ ช้อปดีมีคืน 66 แต่ในปี 67 นี้เขากลับมาในชื่อ Easy E-Receipt ซึ่งเป็นโครงการลดหย่อนภาษีที่มีความคล้ายคลึงกับช้อปดีมีคืน แต่เพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ยื่นภาษีเงินได้อย่างเราได้มากขึ้น
โครงการ Easy E-Receipt นั้นช่วยลดทอนเรื่องยุ่งยากอย่างการที่ต้องมานั่งเก็บรักษาใบกับกำภาษีแบบกระดาษไว้เป็นปีเพื่อเตรียมใช้สิทธิลดหย่อนภาษีในปีถัดไป ซึ่งในปีนี้ เราใช้แค่เพียงใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Tax Invoice และ e-Receipt ของการซื้อสินค้าและบริการที่ร้านค้าหรือผู้ประกอบการส่งให้เราทาง e-mail และข้อมูลจะถูกส่งเข้าฐานข้อมูลของกรมสรรพากรอัตโนมัติ ถือว่าเป็นการอัพเกรดที่ทำให้เราสะดวกสบายมากขึ้น และเพื่อให้ผู้อ่านทุกคนได้ประโยชน์อย่างสูงสุดจากโครงการ Easy E-Receipt วันนี้เรามี 3 ทริคใช้สิทธิ Easy E-Receipt อย่างไรให้คุ้มฉ่ำ
1.ตรวจสอบอัตราภาษีตัวเรานี้ลดหย่อนได้เท่าไหร่
อย่างที่เรากันดีว่า โครงการ Easy E-Receipt ให้เราสามารถนำค่าใช้จ่ายสินค้า หรือบริการไปลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริงหรือสูงสุด 50,000 บาท แต่ไม่ใช่ว่าเราจะเอา 50,000 ไปหักจากยอดเสียภาษีได้ดื้อๆ เพราะต้องเอาอัตราภาษีตามรายได้สุทธิมาคูณก่อน ดังนี้
รายได้สุทธิ | อัตราภาษี | ซื้อ 50,000 ลดหย่อนได้ |
0 – 150,000 | ยกเว้น | 0 |
150,001 – 300,000 | 5% | 2,500 |
300,001 – 500,000 | 10% | 5,000 |
500,001 – 750,000 | 15% | 7,500 |
มากกว่า 750,000 | 20% | 1,0000 |